นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานธิบดีจีนได้เยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 14 - 15 เมษายน โดยสองฝ่ายได้ร่างพิมพ์เขียวใหม่เกี่ยวกับการสร้างประชาคมร่วมอนาคตระหว่างจีนและเวียดนามแบบสมัยใหม่  ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า ภายในสถานการณ์โลกที่ผันผวน การที่จีนและเวียดนามร่วมมือกันเดินตามหนทางแห่งการพัฒนาอย่างสันตินั้น ไม่เพียงแต่เป็นผลดีต่อประชากรกว่า 1,500 ล้านคนในการร่วมกันก้าวหน้าไปสู่ความเป็นแบบทันสมัย และยังจะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคตลอดจนของทั่วโลก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาร่วมกัน 

ปีนี้จีนและเวียดนามจะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 75 ปี และเป็นปีแห่งการแลกเปลี่ยนของบุคคลและวัฒนธรรมระหว่างจีนและเวียดนาม ซึ่งการเยือนของนายสี จิ้นผิงครั้งนี้เป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในปีนี้ และเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังจากคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดการประชุมกิจการโดยรอบ แสดงว่า จีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-เวียดนาม โดยสำนักข่าวเวียดนามชี้ว่า การเยือนครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองและการต่างประเทศในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความหมายเชิงยุทธศาสตร์ และจะส่งผลกระทบยาวนาน

ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าเป็นแรงขับเคลื่อนความสัมพันธ์จีน-เวียดนาม  จีนเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนามต่อเนื่องกันมา 20 กว่าปีแล้ว ส่วนเวียดนามเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนในภูมิภาคอาเซียน ในระหว่างการเยือนเวียดนามครั้งนี้ นายสี จิ้นผิงและนายโตเลิมได้ร่วมกันเข้าร่วมพิธีเปิดกลไกความร่วมมือทางรถไฟจีน-เวียดนาม นอกจากนี้ สองฝ่ายยังได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ 45 ฉบับ รวมถึงการเชื่อมโยงติดต่อกัน ทั้งด้านปัญญาประดิษฐ์ การตรวจและกักกันโรคทางศุลกากร การค้าผลิตผลการเกษตร และความเป็นอยู่ของประชาชน  สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเยือนครั้งนี้จะผลักดันความร่วมมือทางการค้าและห่วงโซ่การผลิตและอุปสงค์ระหว่างสองประเทศ

เมื่อยืนอยู่จุดเริ่มต้นใหม่ทางประวัติศาสตร์ ดำเนินการสร้างประชาคมร่วมอนาคตระหว่างจีนและเวียดนามในเชิงลึก จะทำให้ประชากรกว่า 1,500 ล้านคนร่วมกันปันผลจากความเป็นแบบทันสมัย และจะนำมาซึ่งความมั่นคงและความแน่นอนสำหรับโลกที่มีสถานการณ์สลับซับซ้อน

ข่าวนี้รวบรวมโดย ：SHUNNING HUANG