นึกถึง AI จีน-อาเซียน นึกถึง “หนานหนิง” —— นครหนานหนิงเร่งสร้าง “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้าน AI จีน-อาเซียน
เวลาที่โพสต์:16:20, 29-05-2025
แหล่งข่าว:thaibizchina.com

คำว่า “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI (Artificial Intelligence) กำลังเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจทั่วจีนและทั่วโลก หลังการเปิดตัว DeepSeek R1 โมเดลปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีนที่พัฒนาให้ใช้งานฟรี ดังเป็น ‘พลุแตก’ ในเวลานี้ โดยเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ต้องไม่พลาด ‘ขบวนเศรษฐกิจ’ นี้เช่นกัน

การที่เขตฯ กว่างซีจ้วงตั้งอยู่ใน “จุดเชื่อมต่อ” ระหว่างตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคนกับตลาดอาเซียนที่มีประชากรเกือบ 700 ล้านคน อีกทั้งยังเป็นแหล่งพลังงาน และแหล่งผลิตบุคลากรที่มีทักษะในภาษาของชาติสมาชิกอาเซียน ตลอดจนนโยบายอุ้มชูจากส่วนกลาง แน่นอนว่า… แนวคิดการพัฒนาอุตสาหกรรม/ธุรกิจ AI ของกว่างซี จึงต้องมุ่งเป้าความร่วมมือกับ “อาเซียน”

การดำเนินการเชิงรุกด้านการส่งเสริมความร่วมมือด้าน AI ของเขตฯ กว่างซีจ้วงกับอาเซียน คือ การลงนามจัดตั้ง “ศูนย์ความร่วมมือด้านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์จีน-ลาว” (China-Laos Artificial Intelligence (AI) Innovation Cooperation Center/ 中国—老挝人工智能创新合作中心) เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 โดยศูนย์ดังกล่าวก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง (จีน) กับ สปป. ลาว เป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือด้าน AI แห่งแรกที่จีนได้ร่วมลงนามกับชาติสมาชิกอาเซียน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถขั้นพื้นฐานอย่างเป็นระบบของ สปป.ลาว ในยุค AI รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาภาคธุรกิจ/อุตสาหกรรมในทุกภาคส่วน

จากนั้นเมื่อ 7 มีนาคม 2568 รัฐบาลกว่างซีได้ประกาศ “แผนปฏิบัติการ “AI + การผลิต” กว่างซี ปี 2568 – 2570” (广西“人工智能+制造”行动方案 (2025-202年)) โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งระบุถึงเป้าหมายการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ (Breakthrough Technology) ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ และฉากทัศน์การใช้งาน AI ในรูปแบบต่าง ๆ การจัดตั้งสวนอุตสาหกรรม AI การบ่มเพาะวิสาหกิจ/องค์กรชั้นนำในห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI รวมถึงการสนับสนุนการจัดตั้งแพลตฟอร์มการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม (Research Development and Innovation – RDI) และการจัดตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จีน-อาเซียน” (中国—东盟人工智能创新合作中心/China-ASEAN AI Innovation Cooperation Center) และการกรุยทางสู่การเป็น “Highland ของอุตสาหกรรม/ธุรกิจ AI ที่มุ่งสู่อาเซียน”

ในฐานะเมืองเอกและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของกว่างซี —— “นครหนานหนิง” ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการข้างต้น โดยในการแถลงข่าวการประชุมสมัชชาผู้แทนประชาชนนครหนานหนิง ชุดที่ 15 ครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 นายซุน ชุนยรุ่ย (Sun Chunrui/孙椿睿) ผู้อำนวยการสำนักบริหารข้อมูลนครหนานหนิง (南宁市数据局/Nanning Data Administration) เปิดเผยว่า นครหนานหนิงได้วางโครงร่างในการพัฒนา “เทคโนโลยี AI + ฉากทัศน์นำร่องการใช้ AI” โดยให้น้ำหนักกับการเสริมพลังอุตสาหกรรมและการบริการสาธารณะ และจะเร่งเปิดตัวโมเดล AI ในประเทศจีนและอาเซียน

ปัจจุบัน นครหนานหนิงกำลังเร่งผลักดันการก่อสร้าง “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จีน-อาเซียน” เพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในอุตสาหกรรม/ธุรกิจด้าน AI ระหว่างจีนกับอาเซียน และการปรับปรุงประสิทธิภาพข้อมูลข้ามพรมแดนและระบบรักษาความปลอดภัย โดยอาศัยการสนับสนุนของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศจีน-อาเซียน (中国—东盟信息港/China-ASEAN Information Harbor – CAIH) และสำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ[1] (国际通信业务出入口局/International Communication Gateway Bureau)

เป้าหมายการเป็น “Highland ของอุตสาหกรรม/ธุรกิจ AI ที่มุ่งสู่อาเซียน” นครหนานหนิงได้ตั้งเป้าหมายว่าจะดึงดูดเทคโนโลยี บริษัท และบุคคลระดับหัวกะทิ (Talent) ในแวดวง AI ให้เข้าไปรวมตัวกันที่นครหนานหนิง โดยอาศัยความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งที่ใกล้ชิดกับอาเซียน (รัฐบาลกลางกำหนดให้เป็น Gateway to ASEAN) และความพร้อมด้านทรัพยากรบุคคลที่รู้ภาษาในอาเซียน นครหนานหนิงเป็นแหล่งบ่มเพาะนักศึกษาที่เรียนภาษาของชาติสมาชิกอาเซียนมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน)

ที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ (เช่น QAX Technology Group / CITIC Group / COL Group / Thailand Future Electronics) ได้ทยอยเดินทางไปยังนครหนานหนิงเพื่อแสวงหาความร่วมมือด้านการพัฒนาฉากทัศน์การใช้งาน AI อาทิ การออกแบบการเรียนรู้ (Training Model) กระบวนการกำกับข้อมูลและสร้างชุดข้อมูลเพื่อนำไปให้ AI เรียนรู้ (Data Annotation) และการประยุกต์ใช้ AI + การศึกษา/การท่องเที่ยว/การใช้ชีวิตประจำวัน

ปัจจุบัน นครหนานหนิง มีแพลตฟอร์มด้าน AI ที่เปิดใช้งานแล้ว อาทิ ศูนย์พลังประมวลผล AI อวิ๋นห์กู่ (五象云谷智算中心/Wuxiang Yungu AI Computing Center) และศูนย์พลังประมวลผล AI จีน-อาเซียน (中国—东盟人工智能计算中心/China-ASEAN AI Computing Center) ซึ่งล้วนตั้งอยู่ในเขตเมืองใหม่อู่เซี่ยง นครหนานหนิง

นอกจากนี้ นครหนานหนิงกำลังเร่งผลักดันแผนงานก่อสร้างแพลตฟอร์มอีกหลายโครงการ อาทิ ศูนย์ข้อมูลระหว่างประเทศ (International Data Center) คลัสเตอร์ศูนย์พลังประมวลผล (算力中心集群/Computing Power Center Cluster) และคลังข้อมูลภาษาอาเซียน (东盟国家语料库/ASEAN Languages Corpus) และแพลตฟอร์มอำนวยการพลังประมวลผล AI จีน-อาเซียน (中国—东盟人工智能算力调度平台/China-ASEAN AI Computing Dispatching Platform)

นครหนานหนิงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตร AI ในสถาบันอุดมศึกษา เพื่อฝึกอบรมทักษะด้าน AI ที่มุ่งสู่อาเซียน และบ่มเพาะหัวกะทิด้าน AI ร่วมกับอาเซียน ข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ ณ ต้นปี 2568 ในเขตฯ กว่างซีจ้วงมีสถาบันอุดมศึกษาและอาชีวศึกษาที่เปิดหลักสูตรสาขาเฉพาะด้าน AI จำนวนมาก อาทิ

สำหรับประเทศไทย ในโอกาสที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์ 2568 ตามคำเชิญของนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ และได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างหน่วยงานไทย-จีน 14 ฉบับ ซึ่งในจำนวนนี้ มี 2 ฉบับเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้าน AI คือ

1. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมการการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

2. ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมด้านปัญญาประดิษฐ์ ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

บีไอซี เห็นว่า หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนไทยสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มข้างต้นในเขตฯ กว่างซีจ้วง เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้าน AI ระหว่างไทยกับกว่างซี(จีน) โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม AI ที่ตอบโจทย์ตลาดในสาขาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา ภาคการแพทย์ และอื่น ๆ รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนของสตาร์ทอัปที่มีศักยภาพและมีความสนใจภายใต้กลยุทธ์ “ก้าวออกไป(กว่างซี)” และ “เชิญเข้ามา(ไทย)” ระหว่างไทย-กว่างซี โดยสามารถพัฒนาความร่วมมือในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การร่วมทดลองใช้นวัตกรรมเพื่อการขยายตลาด

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมี “ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นอีกกลไกที่สามารถสนับสนุนและแสวงหาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างไทยกับจีน ที่สถาบันการศึกษาและสตาร์ทอัปไทยสามารถใช้ประโยชน์ได้ด้วย


คำอธิบายเพิ่มเติม

[1] สำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (国际通信业务出入口局/International Communication Gateway Bureau) อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติจีน โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 กระทรวงฯ ได้มอบใบอนุญาตการจัดตั้งสำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศให้แก่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมของจีนเพิ่มใน 4 เมือง ได้แก่ นครหนานหนิง (เขตฯ กว่างซีจ้วง) เมืองชิงต่าว (มณฑลซานตง) นครคุนหมิง (มณฑลยูนนาน) และนครไห่โข่ว (มณฑลไห่หนาน)

ที่สำคัญ การมอบใบอนุญาตจัดตั้งสำนักฯ ใน 4 เมืองที่กล่าวมาข้างต้น เป็นปรากฎการณ์ใหม่ในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่ประเทศจีนได้เริ่มการเชื่อมต่อกับโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยก่อนหน้านี้มีสำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศที่เปิดดำเนินการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เพียง 3 เมือง คือ กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และนครกว่างโจว

สำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ทำหน้าที่เป็น “ศูนย์กลาง” การสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศที่สำคัญในการเชื่อมต่อโครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างผู้ให้บริการในประเทศจีนกับผู้ให้บริการในต่างประเทศ เพื่อใช้เชื่อมโยงธุรกิจการให้บริการและการแลกเปลี่ยนข้อมูล (Data) ของสองฝ่าย ในฐานะฮับการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายทั่วโลก สำนักดังกล่าวถือเป็นรากฐานสำคัญด้านสารสนเทศของจีนในการติดต่อแลกเปลี่ยนกับต่างประเทศ

ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG