หนานหนิง, 9 มิ.ย. (ซินหัว) — เครื่องดื่มชูกำลังจากบริษัททีซี ฟาร์มาซูทิคัล อินดัสทรีส์ (T.C. Pharmaceutical Industries) ของไทยได้รับการผลิตและจัดจำหน่ายไปทั่วจีน โดยผลิตจากโรงงานระบบอัตโนมัติในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงของจีน ซึ่งมีมูลค่า 1.3 พันล้านหยวน (ราว 5.9 พันล้านบาท) โรงงานแห่งนี้เริ่มดำเนินงานเมื่อเดือนมกราคม 2025 และสร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์แล้วกว่า 75 ล้านหยวน (ราว 340 ล้านบาท) ในไตรมาสแรกของปี 2025
นักวิจัยจากสถาบันความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างประเทศของจีนระบุว่า ตลาดขนาดใหญ่ของจีนที่มีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน กำลังพัฒนาในด้านการบริโภคและห่วงโซ่อุตสาหกรรม เปิดโอกาสให้อาเซียนในฐานะเพื่อนบ้านใกล้ชิดสามารถร่วมรับประโยชน์จากการเปิดกว้างระดับสูง
แม้เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับความผันผวน แต่การค้าระหว่างจีนกับอาเซียนยังคงเติบโต โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2025 มีมูลค่าการค้ารวม 2.38 ล้านล้านหยวน (ราว 10.81 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 จากปีก่อน โดยอาเซียนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน
นครหนานหนิงของกว่างซีซึ่งเป็นประตูสู่ภูมิภาคอาเซียน เป็นที่ตั้งของศูนย์สินค้าพิเศษจีน-อาเซียนซึ่งรวบรวมสินค้าหลากหลายจากอาเซียน เช่น อาหารสิงคโปร์ เครื่องเทศไทย และข้าวกัมพูชา ที่ลูกค้าสามารถซื้อได้ง่ายๆ ผ่านการสแกนคิวอาร์โค้ด
ศูนย์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 มีสินค้ามากกว่า 5,500 รายการ และส่งเสริมการค้าผ่านการไลฟ์สด เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ทุเรียนจากมาเลเซีย หรือเครื่องสำอางจีนที่เริ่มได้รับความนิยมในตลาดอาเซียน ด้วยการช่วยแนะนำโดยอินฟลูเอนเซอร์หลายภาษา
ศูนย์ดังกล่าวยังช่วยแก้ปัญหาของเหล่าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในอาเซียน ที่มักขาดช่องทางเข้าสู่ห่วงโซ่อุตสาหกรรมและคลังสินค้าในจีน ด้วยการให้บริการโลจิสติกส์ การตลาด และการสนับสนุนอื่น ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้เข้าถึงตลาดจีนได้สะดวกขึ้น
นอกจากการค้าแล้ว การพัฒนากำลังคนก็มีบทบาทสำคัญ โดยวิทยาลัยอาชีวศึกษาธุรกิจระหว่างประเทศในกว่างซี ได้เปิดหลักสูตรฝึกอบรมด้านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน โดยมีนักศึกษาจากอินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย และลาว ฝึกไลฟ์ขายสินค้าเป็นภาษาท้องถิ่นของตนเอง และมีผู้สำเร็จการศึกษาราว 300 คนต่อปี
ศุลกากรจีนระบุว่าการรวมตัวกันของตลาดจีนและอาเซียน ซึ่งมีประชากรรวมกันราว 1 ใน 4 ของประชากรโลก ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจ และกลายเป็นแบบอย่างความร่วมมือในภาวะที่การค้าโลกไม่แน่นอน
การรวมพลังนี้จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น หลังจากจีนและอาเซียนเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีฉบับใหม่ (CAFTA 3.0) เสร็จสิ้น โดยข้อตกลงใหม่นี้จะมีบทใหม่ 9 บท เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล และการสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจอาเซียน
ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG