นึกถึง AI จีน-อาเซียน นึกถึง “หนานหนิง” — เร่งคว้าโอกาสจาก “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้าน AI จีน-อาเซียน”
เวลาที่โพสต์:10:19, 23-07-2025
แหล่งข่าว:cri

“เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง” ทางตอนใต้ของประเทศจีน ได้ประกาศชัดว่า… ขอไม่พลาด ‘ขบวนเศรษฐกิจ’ ในยุคดิจิทัลอย่าง “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI (Artificial Intelligence) พร้อมคลอดโรดแมป “แผนปฏิบัติการ ‘ปัญญาประดิษฐ์ (AI) + การผลิต’ กว่างซี ปี 2568 – 2570” ที่มุ่งเป้าการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ (Breakthrough Technology) ผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ และฉากทัศน์การใช้งาน AI ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มุ่งสู่ “อาเซียน”

“ปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมรอบใหม่ ซึ่งกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในยุค AI กว่างซีต้องไม่ตกขบวน”

—————————– นายเฉิน กัง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเขตฯ กว่างซีจ้วง


แล้วใครที่รับบท ‘พระเอก’ ในการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการข้างต้น?? เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเมืองเอกและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของกว่างซี ——– “นครหนานหนิง” (Nanning) นั่นเอง

นครหนานหนิง ได้กำหนดทิศทางการพัฒนา “เทคโนโลยี AI + ฉากทัศน์นำร่องการใช้ AI” โดยให้น้ำหนักกับการเสริมพลังอุตสาหกรรมและการบริการสาธารณะ และการพัฒนาโมเดล AI ตอบโจทย์ในประเทศและอาเซียน โดยมี “ศูนย์นวัตกรรมความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จีน-อาเซียน” (中国—东盟人工智能创新合作中心/China-ASEAN AI Collaborative Innovation Center) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “ศูนย์หนาน เอ” (南 A中心) เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงความร่วมมือและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในอุตสาหกรรม/ธุรกิจด้าน AI ระหว่างประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกอย่าง “จีน” กับภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลมากถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอย่าง “อาเซียน”

เส้นทางการพัฒนา “ศูนย์หนาน เอ” ของนครหนานหนิง

  • 3 เมษายน 2568 เริ่มการก่อสร้างอาคารนิทรรศการของ “ศูนย์หนาน เอ” ถือเป็น milestone ของโครงการก่อสร้าง “ศูนย์หนาน เอ” อย่างเต็มรูปแบบ

  • 18 เมษายน 2568 งานเสวนาธุรกิจและพิธีลงนามโครงการ “ศูนย์หนาน เอ” ภายในงานฯ มีการลงนามโครงการ 40 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 7,980 ล้านหยวน ครอบคลุมด้านชิป AI ศูนย์พลังประมวลผลอัจฉริยะ และการคมนาคมอัจฉริยะ เป็นต้น

  • 27 มิถุนายน 2568 อาคารนิทรรศการของ “ศูนย์หนาน เอ” และงานภูมิทัศน์ ได้ผ่านการตรวจรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

  • 29 มิถุนายน 2568 พิธีลงนามโครงการลงทุนของภาคธุรกิจจกลุ่มแรกจากอาเซียนใน “ศูนย์หนาน เอ” ประกอบด้วยธุรกิจ 16 รายจาก 6 ชาติสมาชิกอาเซียน รวมถึงประเทศไทย

  • 30 มิถุนายน 2568 พิธีส่งมอบกุญแจให้ภาคธุรกิจจีนกลุ่มแรกที่เข้าจัดตั้งธุรกิจในฐานบ่มเพาะ (Incubator Base) จำนวน 15 ราย นับเป็นก้าวใหม่ของการพัฒนา “คลัสเตอร์ธุรกิจ/อุตสาหกรรม AI” ของนครหนานหนิง

บริเวณย่านใจกลางเขตเมืองใหม่อู่เซี่ยง (Wuxiang New District/五象新区) ของนครหนานหนิง สิ่งปลูกสร้างรูปทรงทันสมัยตั้งอยู่บนพื้นที่ปลูกสร้าง 19,800 ตารางเมตร ——–  อาคารนิทรรศการของศูนย์หนาน เอ นั่นเอง!! ศูนย์นิทรรศการแห่งนี้เปรียบได้กับ “ประตู” บานแรกในการทำความรู้จักกับ “ศูนย์หนาน เอ”

อาคารนิทรรศการดังกล่าวเพิ่งผ่านการตรวจรับและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ “นครหนานหนิง” ในการกระชับความร่วมมือและเปิดกว้างในมิติใหม่สู่อาเซียน และเป็นการส่งสัญญาณว่า…แพลตฟอร์มคลัสเตอร์อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ สถาบันการศึกษา การวิจัย และการประยุกต์ใช้งานที่มีครบวงจรแห่งแรกในภูมิภาคได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว และจะเป็นการสร้างพลวัตรใหม่ในการกระชับความร่วมมือเชิงลึกในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างจีนและอาเซียน

“ศูนย์หนาน เอ” อาศัยสำนักกิจการการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Communication Gateway Bureau/国际通信业务出入口局) และศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์จีน-อาเซียน (China-ASEAN AI Data Center/中国—东盟人工智能数据中心) ในการสร้าง “ทางด่วน” สำหรับการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดน โดยจะทำหน้าที่เป็น “ซูเปอร์อินเทอร์เฟซ” ในการเชื่อมโยงเทคโนโลยีจีน ตลาดอาเซียน และทรัพยากรโลก และเป็นผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการกำหนดกฎกติกา/มาตรฐานการกำกับดูแลดิจิทัลในระดับภูมิภาค

5,000 PFlops (1 PFlops เท่ากับ 1,000 ล้านล้าน) ——– ประสิทธิภาพพลังการประมวลผลของ “ศูนย์หนาน เอ”  ที่วางแผนไว้ในปัจจุบัน ซึ่งสามารถรองรับการฝึกอบรม (Training) และการอนุมาน (Inference) ของโมเดล AI ข้ามพรมแดน และมีอัตราการใช้พลังการประมวลผลสูงถึงร้อยละ 75

ปัจจุบัน บริษัทต่าง ๆ ในสาขาการวิจัยและพัฒนาอัลกอริทึมการประมวลผล การผลิตอุปกรณ์การประมวลผลอัจฉริยะ และการพัฒนาแอปพลิเคชันอัจฉริยะ (AI Agents) ได้เริ่มสร้างระบบนิเวศธุรกิจเชิงลึก ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 “ศูนย์หนาน เอ” มีการลงนามสัญญาการลงทุนสะสม 43 โครงการ ในจำนวนนี้ มี 25 โครงการที่ผ่านมาอนุมัติ “ฟรีค่าเช่า” แล้ว  และในจำนวนนี้ มี 34 โครงการที่ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท/เลือกทำเลที่ตั้งโครงการแล้ว นอกจากนี้ ยังมีอีก 49 โครงการที่อยู่ระหว่างการตกลงเจรจา

เป้าหมายการเป็น “Highland ของอุตสาหกรรม/ธุรกิจ AI ที่มุ่งสู่อาเซียน” นครหนานหนิงได้ตั้งเป้าหมายว่าจะดึงดูดเทคโนโลยี บริษัท และบุคคลระดับหัวกะทิ (Talent) ในแวดวง AI ให้เข้าไปรวมตัวกันที่นครหนานหนิง โดยอาศัยความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งที่ใกล้ชิดกับอาเซียน (รัฐบาลกลางกำหนดให้เป็น Gateway to ASEAN) และความพร้อมด้านทรัพยากรบุคคลที่รู้ภาษาในอาเซียน นครหนานหนิงเป็นแหล่งบ่มเพาะนักศึกษาที่เรียนภาษาของชาติสมาชิกอาเซียนมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน)

ในพิธีลงนามโครงการลงทุนของภาคธุรกิจจกลุ่มแรกจากอาเซียนใน “ศูนย์หนาน เอ” เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 มีบริษัท 16 รายจาก 6 ชาติสมาชิกอาเซียน อาทิ บริษัท Vela Group จากเวียดนาม / บริษัท Barium Tech จากสิงคโปร์ / บริษัท Huixi Group จาก สปป.ลาว / บริษัท GT จากเมียนมา / บริษัท Xingyu Group จากฟิลิปปินส์ และบริษัท Longhao จากประเทศไทย ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะเข้ามาพัฒนาธุรกิจ/อุตสาหกรรม AI ในหลากหลายสาขา เช่น การวิจัยและพัฒนา AI แอปพลิเคชันอัจฉริยะ การค้าข้ามพรมแดน และการฝึกอบรมด้านการอาชีวศึกษา

เพื่อกระชับความร่วมมือให้ ‘แน่นปึก’ ยิ่งขึ้น “ศูนย์หนาน เอ” จะเร่งผลักดันให้ชาติสมาชิกอาเซียนเข้าไปจัดตั้งสำนักงานตัวแทน (Liaison office) ที่ศูนย์ดังกล่าวให้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์ย่อย หรือ Sub-center อีกหลายแห่งในอาเซียน และพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง ฮ่องกง และมาเก๊า (Greater Bay Area – GBA) เพื่อสร้างแพลตฟอร์มความร่วมมือด้านนวัตกรรม AI จีน-อาเซียนที่มีความครอบคลุมและหลายระดับ

ในอนาคต “ศูนย์หนาน เอ” แห่งนี้จะเป็นระบบนิเวศธุรกิจแบบครบวงจรภายใต้โมเดล “วิจัยและพัฒนาที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว และเซินเจิ้น – รวมตัวกันที่กว่างซี (หนานหนิง) – ประยุกต์ใช้งานที่อาเซียน” โดยนายเหมย ตี๋ (梅迪) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Steam Computing (希姆半导体科技有限公司) มองว่า “ศูนย์หนาน เอ” จะเป็นจุดเชื่อมโยงของระบบนิเวศ AI ที่สามารถพึ่งพาตัวเองและควมคุมได้ และมีขีดความสามารถทางการแข่งขันได้ในระดับโลก โดยบริษัทฯ มีแผนจะลงทุน 600 ล้านหยวนเพื่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาชิปและศูนย์คอมพิวติ้งอัจฉริยะ (Intelligent Computing Center) ที่ “ศูนย์หนาน เอ” เพื่อชิงตลาดอาเซียน

ในระยะต่อไป นครหนานหนิงกำลังเร่งผลักดันแผนงานก่อสร้างแพลตฟอร์มอีกหลายโครงการ อาทิ ศูนย์ข้อมูลระหว่างประเทศ (International Data Center/国际数据中心) คลัสเตอร์ศูนย์พลังประมวลผล (Computing Power Center Cluster/算力中心集群) และคลังข้อมูลภาษาอาเซียน (ASEAN Languages Corpus/东盟国家语料库) และแพลตฟอร์มอำนวยการพลังประมวลผล AI จีน-อาเซียน (China-ASEAN AI Computing Dispatching Platform/中国—东盟人工智能算力调度平台)

นครหนานหนิงจะส่งเสริมการพัฒนาฉากทัศน์การใช้งาน AI อาทิ การออกแบบการเรียนรู้ (Training Model) กระบวนการกำกับข้อมูลและสร้างชุดข้อมูลเพื่อนำไปให้ AI เรียนรู้ (Data Annotation) และการประยุกต์ใช้ AI plus ไม่ว่าจะเป็น AI + การบริการภาครัฐ/การศึกษา/การแพทย์/การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม รวมถึงจะส่งเสริมการพัฒนา AI Agents ส่งเสริมให้ AI ช่วยสร้างสรรค์ธุรกิจ ช่วยสร้างพื้นที่การเติบโตให้ภาคธุรกิจ

บีไอซี ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo) ครั้งที่ 22 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 21 กันยายน 2568 ที่นครหนานหนิง เขตฯ กว่างซีจ้วง ฝ่ายผู้จัดได้เพิ่มไฮไลท์ใหม่ให้กับงานในปีนี้ด้วยการจัด “AI Pavilion” รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องด้าน AI ภายใต้ธีม “ร่วมมือในยุคอัจฉริยะ ร่วมสร้างเส้นทางสายไหมดิจิทัล” เพื่อใช้เขตฯ กว่างซีจ้วงเป็น ‘ช่องทาง’ การประชาสัมพันธ์นโยบายและยุทธศาสตร์ความร่วมมือนวัตกรรม AI จีน-อาเซียน เป็น ‘เวที’ แสดงผลงานด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของบริษัท AI ของจีน และเป็น ‘จุดนัดพบ’ ของอุปสงค์กับอุปทานของความร่วมมือด้าน AI ระหว่างจีน-อาเซียน

กรมพัฒนาข้อมูลขนาดใหญ่กว่างซี (Guangxi Big Data Development Bureau/广西大数据发展局) ให้ข้อมูลว่า อาคารจัดแสดง AI ประกอบด้วยโซนประชาสัมพันธ์กว่างซีความร่วมมืออาเซียน เทคโนโลยีแกน AI และ AI + ฉากทัศน์การใช้งานต่าง ๆ  รวมถึงโซนจุดจับคู่ความร่วมมือ และโซนสัมผัสประสบการณ์แห่งโลกอนาคต

บีไอซี เห็นว่า หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนไทยสามารถใช้ประโยชน์จาก “ศูนย์หนาน เอ” และ “งานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 22” ในนครหนานหนิง ในการเสริมสร้างความร่วมมือด้าน AI ระหว่างไทยกับกว่างซี(จีน) ทั้งด้านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี AI + ฉากทัศน์การใช้งานต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาด ทั้งด้านการพัฒนาโซลูชันทางธุรกิจ การศึกษา การแพทย์ และการท่องเที่ยว

สตาร์ทอัปไทยที่มีศักยภาพและมีความสนใจจะ “ก้าวออกไป(กว่างซี)” และ “เชิญเข้ามา(ไทย)” ระหว่างไทย-กว่างซี สามารถแสวงหาโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือ AI กับกว่างซี(จีน) ผ่าน “ศูนย์หนาน เอ” รวมถึงแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์ข้อมูลระหว่างประเทศ คลังข้อมูลภาษาอาเซียน  และแพลตฟอร์มอำนวยการพลังประมวลผล AI จีน-อาเซียน และการหาพันธมิตรทางธุรกิจผ่าน “China-ASEAN Expo ครั้งที่ 22” ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมี “ฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นอีกกลไกที่สามารถสนับสนุนและแสวงหาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างไทยกับจีน ที่สถาบันการศึกษาและสตาร์ทอัปไทยสามารถใช้ประโยชน์ได้ด้วย

ข่าวนี้รวบรวมโดย:SHUNNING HUANG