ปีนี้ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP มีผลบังคับใช้ครบรอบ 3 ปี เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า RCEP มีส่วนเกื้อกูลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเจริญรุ่งเรืองของตลาด โดยเฉพาะได้เปิดพื้นที่ใหม่ เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-อาเซียน
RCEP เป็นข้อตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ลงนามกันระหว่าง 10 ประเทศอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป้าหมายของภาคี RCEP คือ ร่วมกันสร้างกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ทันสมัย ครอบคลุม มีคุณภาพสูง และเป็นประโยชน์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของการค้าและการลงทุนในภูมิภาค และมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจโลก
นับตั้งแต่ RCEP มีผลบังคับใช้ บรรดาประเทศสมาชิกของ RCEP ได้ผ่อนคลายการเข้าถึงตลาดของกันและกันซึ่งรวมถึงสินค้า บริการ การลงทุน และสาขาอื่น ๆ ส่งเสริมความเป็นบูรณาการของกฎระเบียบ ว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) ขั้นตอนศุลกากร การตรวจสอบและการกักกัน และมาตรฐานทางเทคนิคอย่างมีขั้นตอน อีกทั้งส่งเสริมความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานส่วนภูมิภาค ในขณะเดียวกัน การบูรณาการระดับภูมิภาคก็บรรลุผลในด้านยานยนต์ ปิโตรเคมี เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร โดยเฉพาะการค้าดิจิทัล และการค้าสีเขียวภายในภูมิภาคได้เติบโตขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ RCEP ยังได้ขับเคลื่อนการพัฒนาสาขาใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญญาประดิษฐ์ พลังงานสะอาด และการแพทย์ชีวภาพในภูมิภาค RCEP จัดเป็นแรงผลักดันที่สําคัญต่อการเติบโตของการลงทุนทั่วโลก และได้ชดเชยผลกระทบด้านลบบางส่วนของความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการเพิ่มขึ้นของมาตรการจํากัดทางการค้า
ประโยชน์ที่สําคัญที่สุดของ RCEP คือการลดภาษีศุลกากร ตามความมุ่งมั่นของ RCEP บรรดาสมาชิกจะบรรลุภาษีศุลกากรเป็นศูนย์สําหรับการค้าสินค้าประมาณ 90% และกฎระเบียบในการสัมปทานเพื่อบรรเทาภาษีศุลกากรของ RCEP ได้ช่วยส่งเสริมการส่งออกและนําเข้าในส่วนภูมิภาค
เมื่อพิจารณาส่วนแบ่งตลาดของ 15 ประเทศภาคีใน RCEP จะพบว่า กลุ่มประเทศ “CJK (China Japan South Korea)” มีสัดส่วนการส่งออกคิดเป็น 56% ในจำนวนนี้ จีนมีสัดส่วน 30% ญี่ปุ่นคิดเป็น 14% และเกาหลีใต้คิดเป็น 12% ส่วนสิงคโปร์มีสัดส่วน 10% ไทยและมาเลเซียมีสัดส่วน 6% และสินค้าที่ค้ากันส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรมคิดเป็น 80 % นอกจากนี้ ยังมีเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ น้ำมัน แร่ ยางและผลิตภัณฑ์ และเสื้อผ้า เป็นต้น
ที่เมืองกวางโจว เมืองเอกมณฑลกวางตุ้ง ทางใต้ของจีน มีบริษัทร่วมทุนระหว่างจีนและญี่ปุ่นแห่งหนึ่งที่ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นและไทย ในอดีต มูลค่าการนําเข้าต่อปีของบริษัทแห่งนี้คิดเป็นประมาณ 500 ล้านหยวน (2,500 ล้านบาท) อัตราภาษีนําเข้าคิดเป็น 10% จึงต้องเสียภาษีศุลกากรมากกว่า 7 ล้านหยวนต่อปี หลังจากจีนได้เข้าร่วม RCEP แล้ว ค่าภาษีศุลกากรของบริษัทแห่งนี้ได้ลดลง 630,000 หยวนในปีแรก คาดว่า ในปีที่ 5 นับจากจีนได้เข้าร่วม RCEP ค่าภาษีศุลกากรของบริษัทแห่งนี้จะลดลงอีก 3.15 ล้านหยวน และในปีที่ 11 ภาษีศุลกากรของบริษัทแห่งนี้จะเป็นศูนย์
ความตกลง RCEP ช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าแก่สมาชิก อาทิ สินค้าที่เน่าเสียง่ายจะได้รับการตรวจพิธีการศุลกากรภายใน 6 ชั่วโมง และสินค้าปกติภายใน 48 ชั่วโมง
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จีนได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่จะเปิดตลาดอย่างรอบด้าน และส่งเสริมการพัฒนา RCEP ให้มีคุณภาพสูง โดยคณะกรรมการส่งเสริมการค้าและสำนักงานศุลกากรในพื้นที่ต่าง ๆ ของจีนได้ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ เรียนรู้ RCEP และใช้ประโยชน์จาก RCEPให้มากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างเช่น คณะกรรมการส่งเสริมการค้าของเขตกวางสีทางใต้ของจีน ได้จัดโครงการธุรกิจนำร่อง RCEP โดยช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุตสาหกรรมการผลิต
กลุ่มบริษัทผลิตยา ยวี่หลิน เขตกวางสี เป็น 1 ใน 8 บริษัทนําร่องดังกล่าว บริษัทแห่งนี้ใช้ประโยชน์จาก RCEP ไปบุกตลาดในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ตามลำดับ ปัจจุบัน บริษัทแห่งนี้ได้มีการค้ากับ 9 ประเทศสมาชิกของ RCEP ตามกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าของ RCEP บริษัทแห่งนี้ได้ปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์และห่วงโซ่อุปทานวัตถุดิบ โดยลดต้นทุนถึง 3.86 ล้านหยวน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ท่าเรือฉางซิง เมืองหูโจว มณฑลเจ้อเจียงได้เปิดให้บริการเส้นทาง RCEP เพื่อก่อรูปขึ้นเป็นเครือข่ายเศรษฐกิจและการค้า RCEP นางเฉิน ผิง ผู้จัดการแผนกโลจิสติกส์ของบริษัทหวังจิน มณฑลเจ้อเจียงระบุว่า หลังจากเปิดเส้นทาง RCEP ตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งตรงจากท่าเรือเฉิงซิงไปยังญี่ปุ่น เมื่อก่อนใช้เวลา 12 วัน แต่ปัจจุบันนี้ใช้เวลาเพียง 8 วัน ประหยัดเวลาด้านโลจิสติกส์ 1 ใน 3 โดยเฉลี่ย
หลังจาก RCEP มีผลบังคับใช้แล้ว พื้นที่ต่าง ๆ ของจีนได้เห็นแนวโน้มการเติบโตของการค้าระหว่างจีนและประเทศ RCEP บรรดาบริษัทขนส่งและท่าเรือที่เกี่ยวข้องพากันเปิดเส้นทางระหว่างจีนและประเทศ RCEP อย่างแข็งขัน ตัวอย่างเช่น เมืองต้าเหลียน เมืองชิงเต่า เมืองฉวนโจว เมืองเซียะเหมิน เมืองเซินเจิ้น และเมืองกวางโจวต่างได้เพิ่มเส้นทางการขนส่งใหม่สําหรับประเทศสมาชิก RCEP เส้นทางใหม่เหล่านี้รองรับการค้าที่เพิ่มขึ้นซึ่งขับเคลื่อนโดย RCEP และได้ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและประเทศ RCEP
ข่าวนี้รวบรวมโดย :SHUNNING HUANG